ลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ม๊โปรแกรมเปิดซีซั่น ที่หนักหนาแบบไม่เกรงใจเศรษฐีซาอุ ซึ่งต้องดวลกับทีมที่ได้ไปเล่นรายการยุโรปทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และจะต่อด้วย ไบรท์ตัน

แต่ถึงอย่างนั้นสองเกมแรก พวกเขาถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มต้นด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ ‘สิงห์ผงาด’ ขาดลอย 5 ประตูต่อ 1 ยึดตำแหน่งจ่าฝูงหลังผ่านสัปดาห์แรก และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเก็บแต้มได้เมื่ออาทิตย์แล้ว เนื่องจากปราชัยต่อ ‘เรือใบสีฟ้า’ แต่นี่คือการแพ้ต่อทีม ทริปเปิล แชมป์ แค่ 1-0  

ฝั่งทีมเยือนในค่ำคืนนี้ เปิดฤดูกาลด้วยศึกบิ๊กแมตช์ เช่นกัน โดยเสมอกับ เชลซี 1-1 และยิง 3 ลูก เก็บ 3 คะแนน โดยเอาชนะ บอร์นมัธ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เกมรับยังคงน่าเป็นห่วง เมื่อถูกทีม ‘เดอะ เชอรีส์’ ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม

สถิติการดวลกันของทั้งสองทีม ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล ดีกว่าพอสมควรแบบว่า หน้ามือกับหลังตาตุ่ม เพราะว่าไม่แพ้ให้กับ นิวคาสเซิล มาแล้ว 12 เกม ติดต่อกัน แต่ก็ต้องบอกว่านั่นมันเป็นยุคที่ทัพ ‘สาลิกา’ ยังคงมืดมน โดยบางช่วงถึงกับตกลงไปเล่นแชมเปี้ยนชิพ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป เมื่อทีมจากแดนอีสาน กลายร่างเป็นทีมระดับยุโรป เป็นที่เรียบร้อย

จริงอยู่ว่านี่อาจจะเป็นเพียงนัดที่ 3 ของฤดูกาล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การพบกันระหว่างทีมอันดับที่ 4 และ 5 จากเมื่อซีซั่นที่แล้ว โดยมีความต่างเป็นโควต้า ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ส่งผลให้ทั้งสองทีม จำเป็นต้องงัดฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา และห้ามพลาดง่ายๆ หากอยากได้ผลการแข่งขันที่ต้องการออกไป และนี่อาจเป็นอีกนัดสำคัญในการตัดสินพื้นที่ท็อปโฟร์ ของซีซั่นนี้

ไฮไลท์สำคัญของเกมนี้ คือการที่ต้องพูดแบบไม่เกรงใจทีมฝั่งสีแดงคือ พวกเขาอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้ชัดจากการไม่สามารถรั้งนักเตะคนสำคัญเอาไว้ได้ ในขณะที่ฝั่ง นิวคาสเซิล โปรเจคของพวกเขา ไม่ได้คาดหวังว่าจะเอาแค่ท็อปโฟร์ และบางทีนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการประกาศศักดาว่า พวกเขาคือทีมใหญ่แล้วจริงๆ

เขียนโดย The Lite Team.